แสดงผล
ขนาดตัวอักษร
เลือกภาษา

Home Theme 1

ข่าว ศธ. 360 องศา โดย กองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ สป.ศธ.

ภารกิจ รมว.ศธ (พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ)

“เพิ่มพูน” เปิดประชุมวิชาการนานาชาติ ด้านการศึกษาพิเศษ (ISSED) ครั้งที่ 9 เปิดเวที เปิดโอกาส เข้าถึงทุกการพัฒนา

11 มิถุนายน 2568 / พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการนานาชาติด้านการศึกษาพิเศษ ครั้งที่ 9 ภายใต้หัวข้อช่วงเปลี่ยนผ่านของชีวิต : การเรียนรู้ การดำรงชีวิต และการทำงาน จัดโดยคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต และสถาบันศิโรจน์ผลพันธิน ร่วมกับ คุรุสภา มูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวก ในพระอุปถัมภ์ และโรงเรียนปัญญาวุฒิกร ระหว่างวันที่ 11-13 มิถุนายน 2568 ณ หอประชุมรักตะกนิษฐ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต โดย รศ.ดร.พรชณิชย์ แก้วเนตร รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการและกิจการต่างประเทศ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต พร้อมด้วยคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยสวนดุสิต ให้การต้อนรับ มีผู้เข้าร่วม อาทิ ผศ.ดร.อมลวรรณ วีระธรรมโม เลขาธิการคุรุสภา, คณะผู้แทนจากมูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวก ในพระบรมราชินูปถัมภ์, มูลนิธิอนุสารสุนทรเพื่อสงเคราะห์คนหูหนวก ในพระอุปถัมภ์, เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และคณะผู้แทนจากสถานทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย พร้อมด้วยคณาจารย์ นักเรียน นักศึกษา เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ รมว.ศธ. กล่าวในพิธีเปิดว่า การประชุมวิชาการนานาชาติในครั้งนี้ เป็นการเปิดเวทีเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เผยแพร่ผลงานทางวิชาการ สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับสถาบันทั้งในและต่างประเทศ ด้านการศึกษาพิเศษระดับนานาชาติ และเปิดโอกาสให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าถึงนวัตกรรมเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของบุคคลที่มีความต้องการพิเศษ จึงนับว่าเป็นการเปิดโอกาสทางการศึกษา เพื่อให้เข้าถึงทุกการพัฒนา ปัจจุบัน การศึกษาของเรากำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ต้องเผชิญกับความท้าทายด้านต่างๆ เช่น ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เป็นต้น การจัดประชุมครั้งนี้ นับเป็นเวทีที่ทรงคุณค่า เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ จัดแนวทางการปฏิบัติที่ดีจากนานาชาติ และเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วน เข้าถึงนวัตกรรมเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ สอดรับกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ “เรียนดี มีความสุข” ซึ่งให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ ที่มุ่งส่งเสริมให้ผู้เรียนเรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา (Anywhere Anytime) ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง สร้างโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษา นำไปสู่การเปลี่ยนผ่านของชีวิตเด็กที่มีความต้องการพิเศษในทุกมิติ เพื่อพัฒนาศักยภาพให้มีคุณภาพ เป็นพลเมืองโลกที่ดี และอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างมีความสุข ขอขอบคุณผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาพิเศษทุกท่านที่มาร่วมกันถ่ายทอดองค์ความรู้ และคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนที่ร่วมกันจัดงานในครั้งนี้ . สุกัญญา จันทรสมโภชน์ / สรุป – กราฟิก ธนภัทร จันทร์ห้างหว้า / ภาพ

รายละเอียด

ศธ. ต้อนรับครูอาสาสอนภาษาจีน รุ่นที่ 23 ผนึกความร่วมมือด้านการศึกษา ความสัมพันธ์ 50 ปี ไทย-จีน

11 มิถุนายน 2568 – พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธีต้อนรับ พร้อมให้โอวาทและกำลังใจครูอาสาสมัครสอนภาษาจีน รุ่นที่ 23 ร่วมกับศูนย์แลกเปลี่ยนและส่งเสริมความร่วมมือด้านภาษาจีนระหว่างประเทศ (Center for Language Education and Cooperation: CLEC) เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน ในรูปแบบ On-site และ Online โดยได้รับเกียรติจากสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี เจ้าคณะใหญ่หนกลาง กรรมการมหาเถรสมาคม และประธานกรรมการบริหารสถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเล พร้อมด้วยผู้บริหารจากฝ่ายจีน ได้แก่ นายยวี่ หยุนเฟิง ผู้อำนวยการ CLEC นางซวี หลาน อุปทูตฝ่ายการศึกษา สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัด ศธ. และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วยครูอาสาสมัครเข้าร่วมงาน จำนวน 664 คน ณ หอประชุมคุรุสภา รมว.ศธ. กล่าวว่า โครงการครูอาสาสมัครสอนภาษาจีน ถือเป็นหนึ่งในความร่วมมือด้านการศึกษาที่สำคัญระหว่างไทยและจีน ซึ่งมีบทบาทในการเสริมสร้างความเข้าใจและความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ โดยครูอาสาสมัครที่มาปฏิบัติหน้าที่ในประเทศไทย ไม่เพียงถ่ายทอดความรู้ด้านภาษาและวัฒนธรรมจีนให้แก่เยาวชนไทยเท่านั้น แต่ยังได้เรียนรู้และปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิตของสังคมไทย เป็นกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่ส่งเสริมความเข้าใจซึ่งกันและกันอย่างลึกซึ้ง ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย ไม่ใช่เพียงแต่การทำงาน แต่คือการเป็นสมาชิกในครอบครัวเดียวกัน นับเป็นกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันที่ทรงคุณค่า และเป็นกำลังสำคัญต่อการกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและจีน “ความร่วมมือด้านการศึกษา เป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เสริมสร้างความเข้าใจอันดี และเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญสู่อนาคตที่ยั่งยืนของทั้งสองประเทศ” รมว.ศธ. กล่าว ปลัด ศธ. กล่าวเพิ่มเติมถึงโครงการครูอาสาสมัครสอนภาษาจีน เป็นหนึ่งในความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างไทยและจีน ภายใต้บันทึกความเข้าใจที่ลงนามร่วมกันในปี 2565 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนภาษาจีนในประเทศไทยอย่างยั่งยืน ซึ่งครอบคลุมทั้งการส่งครูอาสาสมัคร การพัฒนาหลักสูตร การให้ทุนการศึกษา และการแลกเปลี่ยนบุคลากรทางการศึกษา โดยตั้งแต่เริ่มโครงการในปี 2546 มีครูอาสาสมัครปฏิบัติหน้าที่แล้วกว่า 19,494 คน ทั้งนี้ ในปี 2568 ครูอาสาสมัครจำนวน 842 คน จะปฏิบัติหน้าที่ในสถานศึกษาทั่วประเทศ 525 แห่ง ครอบคลุม 71 จังหวัด แบ่งเป็น สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน 389 คน สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา 60 คน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน 339 คน และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม 54 คน โดยจะเริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2568 ถึงเดือนมิถุนายน 2569 การจัดพิธีต้อนรับครั้งนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมเฉลิมฉลอง 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–จีน ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการได้เตรียมจัดกิจกรรมตลอดทั้งปี อาทิ มหกรรมการศึกษาไทย–จีน การแข่งขันพูดภาษาจีน กิจกรรมศิลปวัฒนธรรม และค่ายเยาวชน เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่าง 2 ประเทศอย่างยั่งยืน ธรรมนารี ชดช้อย / ข่าว – กราฟิก ณัฐพล สุกไทย / ภาพ

รายละเอียด

“เพิ่มพูน” ประชุม กศจ.กรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 4/2568

พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดกรุงเทพมหานคร (กศจ.กรุงเทพมหานคร) ครั้งที่ 4/2568 เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2568 ณ ห้องประชุมราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ ที่ประขุมมีมติที่สำคัญ คือ อนุญาตจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยครอบครัว สังกัด สพป.กทม. จำนวน 31 ครอบครัว ผู้เรียน 33 ราย และ สพม.กท 2 จำนวน 79 ครอบครัว ผู้เรียน 86 ราย และมอบหมายให้ ศธจ.กทม. ประสานกับ ศทก.สป. ร่วมกันจัดทำฐานข้อมูลฯ ตาม พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 มาตรา 12 และเชื่อมโยงฐานข้อมูลเด็กนอกระบบการศึกษา ( Thailand Zero Dropout) และรายงานความก้าวหน้าต่อ กศจ.กทม.ทุกเดือน นอกจากนี้ ได้พิจารณาการเปลี่ยนชื่อสถานศึกษาในสังกัด สพป.กทม. คือ โรงเรียนวัดด่าน (หวอด ทรัพย์ คงเที่ยง อนุสรณ์) เป็นโรงเรียนวัดด่านพระราม 3 โดย ผอ.สพป.กทม. และ ผอ.รร.ได้รับรองการเปลี่ยนชื่อโรงเรียนตามชื่อวัดด่านพระราม 3 ซึ่งคณะกรรมการสถานศึกษาได้เห็นชอบแล้ว กศจ.กทม. จึงมีมติเห็นชอบให้เปลี่ยนชื่อโรงเรียน จาก “ โรงเรียนวัดด่าน (หวอด ทรัพย์ คงเที่ยง อนุสรณ์)” เป็น “ โรงเรียนวัดด่านพระราม 3”

รายละเอียด

ภารกิจ รมช.ศธ (นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล)

ศธ. มั่นใจความปลอดภัยชายแดนฯ กำชับพื้นที่เตรียมการทุกด้าน พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนจริยธรรม AI ในการศึกษาเต็มกำลัง

รมว.ศธ. เป็นประธานการประชุมประสานภารกิจ ครั้งที่ 19/2568 เผย สถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชาที่เกิดขึ้นอยู่ในสถานการณ์ปกติ เชื่อมั่นในการทำงานของฝ่ายรักษาความมั่นคง และความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย และได้กำชับให้พื้นที่มีการเตรียมความพร้อมในทุกด้าน ตั้งเป้าหมายขยายผลกิจกรรมโรงเรียนพี่เลี้ยงคู่พัฒนา ให้ครอบคลุมทุกเขตพื้นที่การศึกษา ทั้งหมด 246 (245+กทม.) ภายในเดือนมิถุนายน พร้อมสนับสนุนการเข้าร่วมโครงการกับ OECD-OEC จะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษา โดยเฉพาะการยกระดับคุณภาพระบบการศึกษาไทยให้สามารถเทียบเคียงกับมาตรฐานสากล พร้อมจัดทำแผนและปฏิทินการดำเนินงานของคณะกรรมการขับเคลื่อนฯ ของกระทรวงศึกษาธิการ ตามที่ ครม. มีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2568 11 มิถุนายน 2568 / พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมประสานภารกิจ ครั้งที่ 19/2568 ณ ห้องประชุมราชวัลลภ และผ่านระบบ e-Meeting ภายหลังการประชุม รมว.ศธ. พร้อมด้วยนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศธ. นางสาวพิมพ์พร ชีวนานันท์ เลขานุการ รมว.ศธ. นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัด ศธ. ว่าที่ ร.ต.ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการ กพฐ. และนายประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการ สกศ. ร่วมแถลงข่าว ณ ห้องแถลงข่าว รมว.ศธ. กล่าว ในมิติของการ “ดำเนินงาน แก้ไข ติดตาม ขยายผล” ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมองภาพรวมของการบริหารจัดการอย่างรอบด้านว่าได้ผลเพียงใด โดยให้ความสำคัญกับการประเมินผลอย่างเป็นระบบ หากการดำเนินงานใดที่ดีก็ให้ขยายผล ขณะเดียวกันหากพบว่ายังมีข้อบกพร่องในกระบวนการก็ต้องเร่งปรับปรุงอย่างตรงจุด เพื่อให้การพัฒนาเกิดความต่อเนื่อง สำหรับสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชาที่เกิดขึ้นนั้น กระทรวงศึกษาธิการมีความห่วงใยนักเรียนและบุคลากรทุกท่าน ซึ่งภาพรวมในขณะนี้อยู่ในสถานการณ์ปกติ เชื่อมั่นในการทำงานของฝ่ายรักษาความมั่นคง และความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย และได้กำชับให้พื้นที่มีการเตรียมความพร้อมในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำแผนเผชิญเหตุ การจัดสถานที่หลบภัย ตลอดจนการฝึกซ้อมตามแผนอยู่เสมอ เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที รวมถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหว เหตุการณ์ไม่สงบ หรือการก่อเหตุร้ายโดยบุคคลภายนอก พร้อมทั้งประสานงานกับหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่อย่างใกล้ชิด “ฝากเรื่องการส่งเสริมสุขภาพร่างกายของนักเรียน ด้วยการนำ “มวยไทย” มาบูรณาการกับกิจกรรมการเรียนรู้ในโรงเรียน ซึ่งถือเป็นทั้งการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างสุขภาพ และเป็นการเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมไทยไปควบคู่กัน” สรุปสาระสำคัญจากการประชุม ดังนี้ การขับเคลื่อนการยกระดับคุณภาพการศึกษาสู่มาตรฐานสากล รมว.ศธ. กล่าวว่า สำหรับการนำชุดพัฒนาความฉลาดรู้ ควรเสริมทักษะ 3+1 ภาษา ไทย จีน อังกฤษ และดิจิทัล (AI) รวมถึงการขยายผลการดำเนินงานกิจกรรมโรงเรียนพี่เลี้ยงคู่พัฒนา ตั้งเป้าหมายขยายผลกิจกรรมให้ครอบคลุมทุกเขตพื้นที่การศึกษา ทั้งหมด 246 (245+กทม.) ภายในเดือนมิถุนายนนี้ การนำชุดพัฒนาความฉลาดรู้ ในการเสริมทักษะด้านการคิดวิเคราะห์ การอ่านจับใจความ และการเชื่อมโยง โดยเฉพาะชั้น ม.3 และ ม.4 ได้รับการฝึกฝนผ่านระบบ Computer-Based Test พัฒนาความคล่องในการใช้คีย์บอร์ด ฝึกให้รู้จักอ่านโจทย์ วิเคราะห์เนื้อหา และตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างมีระบบ สำหรับการสร้างคลังข้อสอบตามแนว PISA เขตพื้นที่การศึกษาได้ร่วมมือกันรวบรวมข้อสอบ แบ่งปัน แลกเปลี่ยน และนำไปใช้จริงในห้องเรียน ทั้งในการสอบกลางภาค ปลายภาค หรือกิจกรรมการเรียนรู้ การอบรมครูและบุคลากรทางการศึกษาในรูปแบบ “เรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา” (Anywhere Anytime) ผ่านระบบ On-Demand โดยมีการอบรมแบ่งออกเป็นหลายรุ่น ตั้งแต่ผู้บริหารสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ ครูแกนนำ ไปจนถึงครูผู้สอนทุกกลุ่มสาระ และมีระบบการติดตามและนิเทศอย่างต่อเนื่องทุกสองสัปดาห์ และมุ่งขยายผลสู่การคัดเลือกโรงเรียนและนักเรียนต้นแบบ เพื่อพัฒนาต่อยอดอย่างยั่งยืน โรงเรียนพี่เลี้ยง โรงเรียนวิทยาศาสตร์ และศูนย์วิทยาศาสตร์ได้ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ความก้าวหน้าในการเข้าร่วมโครงการกับ OECD รมว.ศธ. กล่าวว่า จากรายงานประจำปีขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD : Organisation for Economic Co-operation and Development) ที่รวบรวมข้อมูลและสถิติด้านการศึกษาจากหลายประเทศ เพื่อใช้เปรียบเทียบและวิเคราะห์ระบบการศึกษาในมิติต่าง ๆ ทั้งด้านการลงทุนด้านการศึกษา อัตราการเข้าเรียนและจบการศึกษา รายได้และสถานภาพของครู และความเชื่อมโยงระหว่างการศึกษากับตลาดแรงงาน ซึ่งการเข้าร่วมโครงการกับ OECD จะเป็นประโยชน์ที่เกี่ยวกับการศึกษาในหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการยกระดับคุณภาพระบบการศึกษาไทยให้สามารถเทียบเคียงกับมาตรฐานสากล การมีส่วนร่วมในโครงการนี้จะทำให้ประเทศไทยสามารถเข้าถึงข้อมูลเปรียบเทียบระหว่างประเทศ นำไปสู่การกำหนดนโยบายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี รมว.ศธ. กล่าวว่า ตามที่มติ ครม. เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2568 (ภายหลังการประชุมประสานภารกิจ ครั้งที่ 18/2568) เห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ ภายใต้การเสนอของกระทรวงศึกษาธิการ จำนวนทั้งสิ้น 15 คณะ ตามที่ ศธ. เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ครม. มีมติเป็นต้นไป สำหรับคณะกรรมการโครงการ “หนึ่งอำเภอ หนึ่งทุน” ได้กำหนดให้มีอำนาจหน้าที่เฉพาะด้านที่เกี่ยวข้องกับการบริหารโครงการฯ ที่ได้รับการขยายระยะเวลาดำเนินการแล้ว ตามมติคณะรัฐมนตรี…

รายละเอียด

ศธ. พร้อมแล้ว “ค่ายเยาวชนอาเซียน 68” ชูเวที AI Hackathon ชวนเด็กสร้างอนาคตสีเขียวเพื่อโลกยั่งยืน

11 มิถุนายน 2568 – พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) แถลงข่าวกิจกรรมค่ายเยาวชนอาเขียน ประจำปี 2568 (ASEAN Youth Camp 2025) โดยมีนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศธ. นางสาวพิมพ์พร ชีวานันท์ เลขานุการ รมว.ศธ. ผู้บริหาร และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ห้องแถลงข่าว อาคารราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ รมว.ศธ. กล่าวว่า ในฐานะที่ดำรงตำแหน่งประธานด้านการศึกษาของอาเซียน ตั้งแต่ปี 2567 จนถึงปัจจุบัน ได้เล็งเห็นถึงบทบาทสำคัญของเยาวชนในฐานะพลังขับเคลื่อนที่สามารถส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศผ่านการศึกษา วัฒนธรรม และเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างสร้างสรรค์มาโดยตลอด กิจกรรมค่ายเยาวชนอาเซียน ประจำปี 2568 หรือ AYC2025 ภายใต้หัวข้อ “AI แฮกกาธอนเพื่อความยั่งยืนสีเขียว” ในครั้งนี้ จึงมุ่งเน้นการบูรณาการองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมในรูปแบบที่หลากหลาย ภายในงานมีกิจกรรมสร้างสรรค์มากมาย ทั้งการบรรยายให้ความรู้ การฝึกปฏิบัติผ่านกิจกรรมแฮกกาธอน การแข่งขันการพัฒนา AI และหุ่นยนต์ ด้วยเครื่องมือซีราคอร์ (CiRA Core) การศึกษาดูงานการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันสุดท้าย จะมีการจัดการแข่งขันนำเสนอผลงาน AI เพื่อความยั่งยืนสีเขียว ซึ่งจะมีการเผยแพร่ผ่านช่องทางออนไลน์ ผ่าน Facebook Fanpage ศธ.360 องศา เพื่อให้สถานศึกษาและผู้ที่สนใจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้รับชมและร่วมเป็นกำลังใจให้กับตัวแทนเยาวชนจากประเทศต่าง ๆ เชื่อมั่นว่าค่ายเยาวชนอาเซียน ประจำปี 2568 จะเป็นเวทีสำคัญในการสร้างความตระหนักรู้ในหมู่เยาวชน ถึงอัตลักษณ์ของอาเซียน ความร่วมมือและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในภูมิภาค ตลอดจนการปลูกฝังจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเป็นพื้นฐานสำคัญต่อการพัฒนาประเทศและภูมิภาคอย่างยั่งยืนในระยะยาว สำหรับกิจกรรม “ค่ายเยาวชนอาเซียน ประจำปี 2568” หรือ AYC2025 ภายใต้หัวข้อ “AI แฮกกาธอนเพื่อความยั่งยืนสีเขียว” กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 – 20 มิถุนายน 2568 ณ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ จังหวัดปทุมธานี โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมรวม 86 คน เป็นเยาวชนจำนวน 4 คน และครู 1 คน จากประเทศสมาชิกอาเซียน 9 ประเทศ (ยกเว้นเมียนมา ได้แจ้งสละสิทธิ์)สาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต ในฐานะประเทศผู้สังเกตการณ์ รวมถึงประเทศคู่เจรจา ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐเกาหลี และญี่ปุ่น รวม 13 ประเทศ ทั้งนี้ การจัดกิจกรรมค่ายเยาวชนประจำปี 2568 ได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากหน่วยงานและภาคีเครือข่าย ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ศูนย์ระดับภูมิภาคว่าด้วยสะเต็มศึกษาของซีมีโอ (SEAMEO STEM-ED) องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ (MWIT) มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พบพร ผดุงพล / ข่าว อินทิรา บัวลอย / ภาพ

รายละเอียด

รมช.ศธ. “สุรศักดิ์” เปิดประชุมสัมมนาวิชาการ “การยกระดับคุณภาพผู้บริหารการศึกษา เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาและวิชาชีพ”

9​ มิถุนายน​ 2568 – นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาทางวิชาการ เรื่อง “การยกระดับคุณภาพผู้บริหารการศึกษา เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาและวิชาชีพ” ประจำปี 2568​ ​ โดยมี​ ผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (ประเทศไทย) ร่วมให้การต้อนรับ ณ โรงแรมเอเชีย แอร์พอร์ท จังหวัดปทุมธานี รมช.ศธ. กล่าวว่า​ ขอชื่นชมทุกท่าน ที่ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติ รับโล่เกียรติยศ ของผู้บริหารการศึกษา ที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความวิริยะ อุตสาหะ อุทิศตน เสียสละ ทุ่มเทพลังกาย-ใจประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี ให้กับการศึกษาไทย และเป็นผู้มีผลงานดีเด่น ในการปฏิบัติหน้าที่ ของผู้บริหารการศึกษา จนได้รับโล่เกียรติยศในครั้งนี้ นับได้ว่าการประชุมสัมมนานี้ เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ต่อการส่งเสริมสนับสนุนบุคลากรที่มีบทบาทสำคัญ ในการบริหารการศึกษา เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาและวิชาชีพ รวมถึงการบริหารงาน​ ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษา ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งสมาคมรองผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (ประเทศไทย) เป็นองค์กรวิชาชีพ ผู้บริหารการศึกษา ที่ทำหน้าที่ในการประสาน ส่งเสริมและสนับสนุน การยกระดับคุณภาพการศึกษา ที่มีความมุ่งมั่นและผลักดัน การสร้างประสิทธิภาพและประสิทธิผล ในการบริหารจัดการศึกษาเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งหวังให้ผู้เรียนทุกช่วงวัย ได้รับการพัฒนาในทุกมิติ ทั้งในด้านโอกาส ความเท่าเทียม ความเสมอภาค คุณภาพและสมรรถนะที่สำคัญจำเป็น โดยเน้นให้ผู้เรียน “เรียนดี มีความสุข” ภายใต้หลักการ “จับมือไว้ แล้วไปด้วยกัน” “บุคลากรที่มีความสำคัญ ในการขับเคลื่อนจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการ ไปสู่การปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพนั้นคือ รองผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ซึ่งจะต้องเป็นผู้ที่รวมพลังการขับเคลื่อน ทั้งระดับผู้บริหารหน่วยงาน ผู้บริหารสถานศึกษา และบุคลากรทางการศึกษาทุกระดับ ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์และจุดเน้น ของกระทรวงศึกษาธิการ​ หวังว่าความรู้ ประสบการณ์ จากการประชุมสัมมนาในครั้งนี้ จะเพิ่มพูนองค์ความรู้ ในการบริหารการศึกษา และส่งเสริมสมรรถนะ ในการบริหารจัดการ ยกระดับคุณภาพการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจน ได้นำข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ทั้งทางด้านวิชาการ ด้านวิชาชีพ ไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด สามารถนำไปพัฒนาการบริหารจัดการศึกษา ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และพัฒนาองค์กรสู่ความเป็นเลิศ  ตามตัวชี้วัดการปฏิบัติงาน ของผู้บริหารการศึกษาต่อไป​ ทั้งนี้ขอฝากรองผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (ประเทศไทย) และผู้บริหารระดับสูงทุกท่าน ช่วยกันสอดส่องดูแลไม่ให้บุคลากรทางการศึกษาหรือลูกๆนักเรียนเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดและบุหรี่ไฟฟ้าเด็ดขาด ร่วมกันทำให้สถานศึกษาเป็นสถานที่ปลอดยาเสพติดและบุหรี่ไฟฟ้า ” รมช.ศธ. กล่าว รมช.ศธ. กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอขอบคุณ สมาคมรองผู้อำนวยการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (ประเทศไทย)  ผู้บริหารระดับสูงของ สพฐ. ผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา  และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุก ๆ ท่าน ที่ได้เสียสละ และทุ่มเทพลังกาย พลังใจ ประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีและร่วมกันพัฒนาคุณภาพการศึกษาของไทยเรา  ทั้งยังขอขอบคุณผู้บริหารโรงเรียน ครู และลูก ๆ นักเรียน ที่มาร่วมจัดนิทรรศการ นำเสนอผลงาน และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในครั้งนี้

รายละเอียด

ภารกิจผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ

ผู้ช่วยเลขาฯ “พิษณุ” ร่วมประชุมสมาคมศิษย์เก่าจี๋เหม่ยทั่วโลก ครั้งที่ 5 เสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือ ยกระดับการศึกษาไทย – จีน ก้าวไกลยิ่งขึ้น

15 มิถุนายน 2568 – นายพิษณุ พลธี ผู้ช่วยเลขานุการ รมว.ศธ. ได้รับมอบหมายจากพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศธ. เข้าร่วมการประชุมสมาคมศิษย์เก่าจี๋เหม่ยทั่วโลก ครั้งที่ 5 และพิธีรับมอบตำแหน่งนายกและคณะกรรมการบริหารสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนจี๋เหม่ยแห่งประเทศไทย สมัยที่ 23 โดยมีอธิการบดีจากสถานศึกษาของไทย ผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ประธานหอการค้าไทย-จีน และนายจ้าว หมิงกวง ประธานสมาคมศิษย์เก่าจี๋เหม่ยทั่วโลก และสมาคมต่าง ๆ เข้าร่วม ณ หอการค้าไทย-จีน อาคารไทยซีซี กรุงเทพฯ นายพิษณุ พลธี เน้นย้ำถึงความสำคัญของการรวมตัวกันของศิษย์เก่าจี๋เหม่ยจากหลายประเทศและหลายรุ่น ซึ่งแสดงถึงสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและความผูกพันที่มีต่อกันของไทยและจีนที่มีมาอย่างช้านาน และมีความร่วมมืออันดีในทุกมิติ ทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม รวมถึงการศึกษา และในปีนี้เป็นวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-จีน​ กระทรวงศึกษาธิการของไทยได้ร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ของจีนในการส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาจีนและการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเฉลิมฉลองวาระดังกล่าวด้วย อาทิ การต้อนรับครูอาสาสมัครสอนภาษาจีนประจำปีการศึกษา 2568 กิจกรรมบริจาคโลหิต “ไทย-จีน เลือดเดียวกัน 50 ปี 5 ล้านซีซี” และงานมหกรรมการศึกษาไทย-จีน ชมรมศิษย์เก่าโรงเรียนจี๋เหม่ยแห่งประเทศไทยก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2521 มีวัตถุประสงค์เพื่อสานต่อเจตนารมณ์ของนายเจียเกิง ผู้ก่อตั้งสมาคมฯ ที่มีความมุ่งมั่นสร้างความสามัคคีและฟื้นฟูประเทศชาติ และรวบรวมศิษย์เก่าจี๋เหม่ยที่พำนักอยู่ในประเทศไทย กระชับความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์เก่ากับโรงเรียน ทั้งยังเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์เก่าจี๋เหม่ยจากทุกภูมิภาคทั่วโลกให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ส่งเสริมด้านการศึกษา ภาษาและวัฒนธรรมจีน ด้านเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน และความร่วมมือแลกเปลี่ยนในด้านต่าง เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการสร้างคุณประโยชน์ส่งเสริมมิตรภาพอันยั่งยืนระหว่างไทย-จีนร่วมกันต่อไป

รายละเอียด

‘พิเชฐ’ เดินหน้า PR ค่ายเยาวชนอาเซียน ผ่านรายการข่าวการศึกษา ETV Channel และช่องทางของ ศธ.360 องศา

12 มิถุนายน 2568 /นายพิเชฐ โพธิ์ภักดี รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย นายกฤษฎ์ชัย สมสมาน ผู้อำนวยการ ศูนย์ระดับภูมิภาคว่าด้วยสะเต็มศึกษาของซีมีโอ (SEAMEO STEM-ED) และนายธีระเดช เจียรสุขสกุล ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริม การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เข้าร่วมบันทึกเทปรายการข่าวการศึกษา ณ  ETV Channel ศูนย์เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ เพื่อประชาสัมพันธ์การเป็นเจ้าภาพของกระทรวงศึกษาธิการในฐานะประธานด้านการศึกษาอาเซียนเพื่อจัดกิจกรรมค่ายเยาวชนอาเซียน ประจำปี 2568 หัวข้อ “AI แฮกกาธอนเพื่อความยั่งยืนสีเขียว” (ASEAN Youth Camp 2025: AI Hackathon for Green Sustainability – AYC2025) ระหว่างวันที่ 17 – 20 มิถุนายน 2568 ณ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ จังหวัดปทุมธานี กิจกรรมดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือ แลกเปลี่ยน และเรียนรู้ด้านการศึกษาและวัฒนธรรมในภูมิภาคอาเซียน การพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์เพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมฯ เป็นเยาวชน อายุ 14 -17 ปี และครูผู้ดูแลจากกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนและกลุ่มประเทศบวกสาม (จีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น) และประเทศผู้สังเกตการณ์ รวมทั้งหมด 13 ประเทศ รวมถึงทีมผู้แทนประเทศไทย 5 โรงเรียน ได้แก่ 1) โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร 2) โรงเรียนกำเนิดวิทย์ จังหวัดระยอง 3) โรงเรียนรุ่งอรุณกรุงเทพมหานคร 4) โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย จังหวัดนครศรีธรรมราช และ 5) โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ ได้มีการประชาสัมพันธ์และเชิญชวนบุคลากรตลอดจนผู้ที่สนใจติดตามการถ่ายทอดสดพิธีเปิดกิจกรรมค่ายเยาวชนอาเซียน ประจำปี 2568 ในวันอังคารที่ 17 มิถุนายน 2568 เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป และร่วมรับชมถ่ายทอดสดการประกวดแข่งขันผลงาน AI Competition for Green Sustainability และพิธีประกาศรางวัลค่ายเยาวชนอาเซียน ประจำปี 2568 ในวันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน 2568 ตั้งแต่เวลา 08.30 – 17.00 น. เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้แก่ทีมผู้แทนประเทศไทย โดยสามารถติดตามได้ ผ่านช่องทาง ของ ศธ. 360 องศา และ ETV Channel ที่ https://shorturl.moe.go.th/q6142 https://youtube.com/@moe360degree https://www.facebook.com/MOE360degree https://www.facebook.com/@etvchannelthailand การบันทึกเทปรายการข่าวการศึกษา กิจกรรมค่ายเยาวชนอาเซียน ประจำปี 2568 จะออกอากาศในวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน 2568 เวลา 08.00 น. และ 17.00 น. ข้อมูล : สต. สป. ภาพ : ETV / สุกัญญา จันทรสมโภชน์ : กราฟฟิก

รายละเอียด

ศธ. ติดอาวุธ AI ให้ทีม PR “สิริพงศ์” เร่งพัฒนาคนประชาสัมพันธ์ ปั้นคอนเทนต์ยุคดิจิทัล “Content is the king” สร้างความเชื่อมั่นสู่สายตาสาธารณชน

12 มิถุนายน 2568 / นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ และโฆษกกระทรวงศึกษาธิการ ได้รับมอบหมายจาก พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการประชาสัมพันธ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 หลักสูตร “พลิกโฉมการประชาสัมพันธ์ด้วย AI” (Transforming Public Relations with AI) พร้อมด้วยนางสาวนวลพรรณ วรรณสุธี ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการ สป. โดยมีบุคลากรที่ปฏิบัติงานด้านประชาสัมพันธ์ขององค์กรหลักและหน่วยงานในกำกับ ศธ. กว่า 150 คน เข้าร่วม ระหว่างวันที่ 12 – 14 มิถุนายน 2568 ณ โรงแรมเดอะ ทวิน ทาวเวอร์ กรุงเทพฯ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ ศธ. กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา การสื่อสารและทำความเข้าใจของทีมประชาสัมพันธ์กระทรวงศึกษาธิการ ทำให้เราได้เห็นความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในด้านการประชาสัมพันธ์ และเชื่อว่าหลายนโยบายที่ถูกกำหนดไว้ ซึ่งก่อนหน้านี้อาจยังมีความไม่ชัดเจนว่าจะทำอย่างไรให้เป็นรูปธรรม ขณะนี้เริ่มเห็นแนวทางที่สามารถนำไปสู่การปฏิบัติจริงได้มากขึ้น โดยเฉพาะแนวนโยบายของพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่ว่า “เรียนดี มีความสุข” ทำอย่างไร จึงจะสามารถสื่อสารได้อย่างเป็นรูปธรรมได้มากขึ้น เพื่อเป็นการถ่ายทอดการดำเนินงานของกระทรวงศึกษาธิการ เราจึงต้องเริ่มต้นจาก “พัฒนาคน” ความสำคัญของการประชาสัมพันธ์สำหรับกระทรวงศึกษาธิการ สิ่งที่สำคัญมากที่สุดสำหรับผู้ที่มีส่วนในการประชาสัมพันธ์นั่นก็คือ “การสร้างความเชื่อมั่นในระบบการศึกษาให้แก่ผู้เรียน” เพราะเราปฏิเสธไม่ได้ว่า “การลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดในโลกนี้คือการลงทุนทรัพยากรมนุษย์” การพัฒนาให้มนุษย์ทุกคนมีศักยภาพ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การประกอบอาชีพ หรือการทำงานเพื่อสังคม การได้รับการพัฒนาอย่างมีคุณภาพที่ทำให้ประเทศชาติเจริญก้าวหน้าขึ้นได้ ฉะนั้นการสร้างความเชื่อมั่นในระบบการศึกษาจึงมีความสำคัญในการ เสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร สร้างความเข้าใจและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งผู้ปกครอง ชุมชน สถานศึกษา และภาคเอกชน รวมถึงเป็นแรงผลักดันให้นโยบายทางการศึกษาได้รับการสนับสนุนและนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม “สร้างความเชื่อมั่น” การสื่อสารคือหัวใจของการสร้างความเชื่อมั่น ในปัจจุบันความรวดเร็วในการสื่อสารมีผลต่อภาพลักษณ์องค์กรโดยตรง การปิดข่าวไม่ใช่คำตอบ แต่การสื่อสารที่ตรงประเด็น ทันท่วงที พร้อมแนวทางแก้ไข จะช่วยสร้างความไว้วางใจจากประชาชนและสื่อมวลชน ส่วนวลีที่ว่า “ข่าวร้ายลงฟรี ข่าวดีเสียตังค์” เป็นความจริงที่เราเผชิญอยู่ แต่เราจะไม่ปล่อยให้ข่าวดีไม่ถูกเผยแพร่สู่สาธารณชน ทีมประชาสัมพันธ์ของ ศธ. จึงต้องมีเครื่องมือการสื่อสารที่ทันสมัยเป็นมืออาชีพ โดยเน้นการทำงานเชิงรุก สื่อสารทุกเรื่องราวด้วยความโปร่งใส รวดเร็ว “ปั้นคอนเทนต์” Content is the king คำนี้น่าจะมีความหมายครอบคลุมชัดเจน เราต้องสร้างเนื้อหาเรียนรู้การใช้ Generative AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ เพื่อผลิตเนื้อหาได้อย่างหลากหลาย อาทิ การสร้างข้อความ ภาพ วิดีโอ หรืออินโฟกราฟิกที่น่าสนใจ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการประชาสัมพันธ์ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น การ “ลดภาพ ขยายเนื้อหา สร้างความน่าสนใจ” เป็นแนวทางสำคัญที่ฝากให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ปรับการสื่อสารจากรูปแบบเดิม ไปสู่คอนเทนส์รูปแบบใหม่ สร้างสาระผ่านความน่าสนใจ ประเด็นการศึกษาอย่างเช่นแนวทางของเพจ ศธ.360 องศา ที่เริ่มปรับภาพลักษณ์ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น โดยยังคงเนื้อหาสาระครบถ้วน แต่มีการเล่าเรื่องผ่านมุมมองใหม่ ๆ ที่ประชาชนเข้าถึงง่าย และสื่อสารอย่างมีชีวิตชีวามากขึ้น “การนำเทคโนโลยีโดยเฉพาะ AI มาเป็นเครื่องมือในการสื่อสาร ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แต่คือการเปิดโอกาสให้เกิด “การสื่อสารอย่างสร้างสรรค์” ที่เข้าถึงผู้คนได้หลากหลายมากขึ้น “การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ พร้อมกระตุ้นให้เกิด Engagement อย่างแท้จริง คือหัวใจของงานประชาสัมพันธ์ยุคใหม่” ความเชื่อมั่นในระบบการศึกษา จะทำให้คนก็จะกล้าฝากอนาคตของลูกหลานไว้กับโรงเรียน ครูก็จะกล้าสร้างสรรค์ เด็กก็จะกล้าเรียนรู้ และทั้งหมดนี้คือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการพาประเทศไทยก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง” ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการ สป. กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันประเทศไทยเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การบริหารภาครัฐ และการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะความก้าวหน้าของ AI และดิจิทัล ที่ส่งผลต่อรูปแบบการสื่อสารในทุกระดับ การอบรมในครั้งนี้จึงมุ่งเน้นการเสริมสร้าง “ทักษะดิจิทัลเพื่อการสื่อสาร” ให้กับบุคลากรประชาสัมพันธ์ของกระทรวงศึกษาธิการ ให้สามารถปรับตัวสู่โลกยุคใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โครงการนี้จัดขึ้นภายใต้กรอบของยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และแผนปฏิบัติการด้านการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ โดยมีเป้าหมายให้ผู้เข้าอบรมได้รับความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการสื่อสารในยุคดิจิทัล พัฒนาทักษะด้าน AI ด้านความคิดสร้างสรรค์ และการออกแบบสื่อประชาสัมพันธ์ที่ทันสมัย พร้อมทั้งเน้นย้ำการสร้างเครือข่ายการทำงานที่เข้มแข็งในรูปแบบ “ฉลาดรู้ ฉลาดคิด ฉลาดทำ” “นักประชาสัมพันธ์และผู้ปฏิบัติงานด้านข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการทั่วประเทศ ถือเป็นบุคลากรยุคดิจิทัลที่จะได้รับการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ที่หลากหลาย จากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้าน AI และการตลาดดิจิทัลจากภาคเอกชนชั้นนำของประเทศ เพื่อนำไปขยายผลต่อยอดพัฒนางาน สร้างเนื้อหาสาระอันเป็นประโยชน์ พร้อมเผยแพร่ภาพลักษณ์ที่ดีของกระทรวงศึกษาธิการออกสู่สายตาของสาธารณชนต่อไป” อานนท์ วิชานนท์ / ข่าว-กราฟิก ธนภัทร จันทร์ห้างหว้า ศศิวัฒน์ แป้นคุ้มญาติ / ภาพ

รายละเอียด

ช่องทางการรับชม

ข่าวจัดซื้อจัดจ้าง

NEWS & UPDATE

องค์กรหลัก

องค์กรในกำกับ/องค์กรมหาชน

สำนักงานรัฐมนตรี

Top